การเสนอขายสินค้าสามารถกระทำได้ในหลายทาง เช่น
1.ติดต่อทางจดหมาย
2.ติดต่อทาง E-mail
3.ติดต่อทาง Fax
4.ติดต่อทางโทรศัพท์ ฯลฯ
เ มื่อได้ตกลงซื้อขายและตกลงราคากันเรียบร้อยแล้ว ผู้ขายจะต้องส่งใบเสนอราคาไปให้แก่ผู้ซื้อ การทำใบเสนอราคา เมื่อมีสินค้าที่จะส่งออกได้และมีตลาดรองรับแล้ว ผู้ขายจะต้องทำเอกสารเสนอขายสินค้าส่งไปให้แก่ผู้ซื้อเพื่อที่ผู้ซื้อจะใช้เป็นหลักฐานในการขอเปิด L/C หรือการชำระเงิน เอกสารเสนอขายสินค้าที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป ได้แก่ PRO-FORMA INVOICE และ QUOTATION ซึ่งมีรูปแบบและข้อความที่เป็นสากลและเป็นที่นิยมในทางการค้าระหว่างประเทศ ดังนั้นผู้ส่งออกจึงควรจะมีความรู้ในข้อความหรือศัพท์เฉพาะและรูปแบบที่นิยมใช้ใน PRO-FORMA INVOICE ด้วย
ข้อความที่ควรรู้ในการจัดทำ PRO-FORMA INVOICE,ข้อความหรือศัพท์เฉพาะที่ควรรู้ใน PRO-FORMA INVOICE มีดังนี้
ข้อความ
ความหมาย
1 BUYER
ชื่อผู้ซื้อ
2 ADDRESS
ที่อยู่ของผู้ซื้อ ต้องพิมพ์ให้ครบถ้วนถูกต้อง
3 NO.
เลขที่ของ Pro-Forma Invoice
4 DATE:
วันที่ของ Pro-Forma Invoice
5 TERM OF PAYMENT
เงื่อนไขการชำระเงิน เช่น L/C at sight
6 SHIPMENT WITHIN_____DAYSAFTER RECEIPT L/C
ใส่จำนวนวันที่จะส่งของได้ เช่น 30 วันหลังจากที่ได้รับ L/C
7 VALIDITY
เวลาที่หมดอายุของการเสนอขาย เช่นกำหนด 30 วันแล้วจะเปลี่ยนราคาใหม่ได้
8 DESCRIPTION OF GOODS
ระบุชื่อของสินค้า ควรใส่ Brand Name และรายละเอียดอื่นด้วย เช่น รุ่น หรือ Model
9 QUANTITY
จำนวนที่เสนอขาย หรือที่ลูกค้าต้องการ
10 UNIT PRICE
ราคาต่อหน่วย ต้องระบุสกุลเงินด้วย
11 TOTAL AMOUNT
จำนวนเงินรวม ต้องระบุสกุลเงิน และ Term of Shipment ด้วย เช่น C&F Rotterdam
12 SIGNATURE
Pro-forma Invoiceที่สมบูรณ์จะต้องมีลายเซ็นของผู้ขายด้วย จะประทับตราด้วยก็ได้
ข้อควรระวังในการทำ PRO-FORMA INVOICE
การค้าระหว่างประเทศมีรูปของเอกสาร การกำหนดราคา เงื่อนไขการชำระเงิน และเงื่อนไขอื่นๆ เป็นมาตรฐานที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป ดังนั้นในการจัดทำ PRO-FORMA INVOICE จึงมีข้อควรระวังที่ผู้ขายจะต้องทราบ เพื่อให้ฝ่ายผู้ซื้อมีความชัดเจนในเงื่อนไขต่างๆ ดังนี้
จะต้องมีกำหนดเวลาที่หมดอายุของการเสนอขายสินค้าด้วยทุกครั้ง เพื่อป้องกันปัญหาราคาที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาได้หาก Term ที่ซื้อขายไม่ใช่ L/C จะต้องระบุชื่อธนาคารและเลขที่บัญชี ที่จะให้ผู้ซื้อโอนเงินมาให้ ลงใน PRO-FORMA INVOICE ด้วยควรตรวจสอบให้รอบคอบก่อนว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่จะต้องจ่ายที่ต้นทาง เช่น ค่าบริการในการทำพิธีการส่งออกของตัวแทนออกของ ค่าใช้จ่ายของตัวแทนสายเดินเรือที่เรียกเก็บที่ต้นทางต่างหากจากค่าระวางบรรทุก (T.H.C., CFS Charge, B/L) ค่าเบี้ยประกันภัย ค่าออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า ค่ารับรองเอกสารของสถานทูต ฯลฯ
****ควรเสนอขายสินค้าใน Term F.O.B., CFR หรือ C.I.F. เท่านั้น ไม่ควรเสนอขายในราคา EX-WORK หรือ F.A.S. เพราะอาจจะมีปัญหาถกเถียงในเรื่องค่าขนส่งภายในประเทศจากโรงงานถึงท่าเรือที่ส่งออกได้ และจะต้องระบุด้วยว่าเป็นการขนส่งโดยทางเรือ ทางอากาศ หรือทางอื่นๆ ****
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น